นิทานปรำปราพื้นบ้านเรื่องปลาบู่ทอง ที่ถูกนำมาทำเป็นหนังจักรๆวงศ์ๆ ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ แม้แต่ตอนนี้ก็กำลังออกอากาศยามเช้า ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ เรื่องราวบอกเล่าถึงเด็กหญิงชาวบ้านผู้มีใจเมตตา ในตอนท้ายของเรื่องได้แต่งงานกับกษัตริย์
เรื่องย่อมีอยู่ว่า...เศรษฐีทารก (อ่านว่า ทา-ระ-กะ) มีอาชีพจับปลา เขามีภรรยา 2 คน คนแรกชื่อขนิษฐา มีลูกสาวชื่อ เอื้อย ส่วนภรรยาคนที่สอง (ตัวร้ายของเรื่อง) ชื่อ ขนิษฐี มีลูกสาวชื่อ อ้าย และ อี่
วันหนึ่งเศรษฐีทารกพาขนิษฐาไปจับปลาในคลอง ไม่ว่าจะเหวี่ยงแหไปกี่ครั้งก็ได้มาเพียงปลาบู่ทองที่ตั้งท้องตัวเดียวเท่านั้น จนกระทั่งพลบค่ำเศรษฐีก็ตัดสินใจที่จะเอาปลาบู่ทองที่จับได้เพียงตัวเดียวกลับบ้าน แต่ขนิษฐาผู้เป็นภรรยาเกิดความสงสารปลาบู่ ขอให้เศรษฐีปล่อยปลาไป
เศรษฐีทารกเกิดบันดาลโทสะเลยฟาดนางขนิษฐาจนตาย ทิ้งศพลงคลอง จนนางไปเกิดใหม่เป็นปลาบู่ทอง ฯลฯ
ขณะที่เอื้อยลูกสาวนางขนิษฐา ก็ถูกขนิษฐีและลูกสาวกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ เพราะไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นเอื้อย สื่อสารกับปลาบู่ทองผู้แม่
จะว่าไปแล้ว นิทานพื้นบ้านเรื่องนี้ “เอื้อย” และแม่ ที่มีแต่เรื่องรันทด ชวนสงสาร เข้าตำรานางเอกหนังไทยย้อนยุค
แต่นิทานพื้นบ้านกลับไม่ได้จบลงแค่ในตำนาน (ซะแล้ว)

ใครจะรู้ว่า การเข้าถึงอารมณ์ (Emotional)ของผู้ที่ได้รับฟังเรื่องราว จะสะท้อนไปสู่เรื่องทางการตลาดของ “ปลาบู่”
หลายปีก่อน ฉันได้มีโอกาสร่วมกับคณะสื่อมวลชน ไปดูงานการเลี้ยงปลาบู่เพื่อการพาณิชย์ ที่จังหวัดไหนจำไม่ได้แล้ว ตามคำเชิญของสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ที่ปล่อยกู้ให้กับบรรดาเอสเอ็มอี
นอกจากขั้นตอนการเพาะเลี้ยงที่ต้องซักถามกันแล้ว เรื่องที่ต้องถามต่อมา คือ ศักยภาพในการทำตลาดปลาบู่
กี่ฟาร์มๆ ที่ไปถาม ก็มักจะได้คำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขามักจะเลี้ยงเพื่อส่งออกไปยังตลาดจีน และประเทศที่มีวัฒนธรรมใกล้เคียง อย่างเกาหลี ไต้หวัน มากกว่าจะขายในประเทศ
เลยชวนสงสัยว่า “ทำไม” (ค่ะ) คนไทยถึงไม่ชอบกินปลาบู่ เพราะถ้าจะพูดถึงความน่าเกลียดน่ากลัวของภาพลักษณ์ไอ้เจ้าปลาบู่แล้ว ไม่ว่า คนไทย คนจีน ฯลฯ ก็คงคิดเหมือนกัน ว่ามันเป็นสัตว์ที่ไม่ชวนมอง ไล่มาตั้งแต่เนื้อตัวที่ดำเหมือม หน้าทู่ๆ แถมยังเป็นปลาขี้เกียจเพราะไม่ชอบว่ายน้ำ แถมชอบทำตัวลับๆล่อๆ หลบอยู่หลังขอนไม้อยู่ได้ จนคนดูต้องเอาหน้าไปใกล้ๆ ถ้าต้องการจะหา “ปลาบู่” สักตัว
Hii..where are you boy?
กว่าจะรู้ตัวอีกทีเจ้า “ปลาบู่” ก็อยู่ในระยะประชิด เล่นเอาตกใจไม่หาย !
กลับมาที่คำตอบที่ได้รับจากคำถามที่ว่า...ทำไมคนไทยไม่ชอบกินปลาบู่
“ก็เพราะคนไทยจะสงสารแม่ปลาบู่ทอง สิหนู” ลุงเกษตรกรคนหนึ่งตอบเสียงดังฟังชัด ด้วยภาษาบ้านๆ
คำตอบนั้น ทำเอาฉันถึงกับ อึ๊ง กิม กี่ (อ๋อ เหรอ ค่ะ อิอิ )
จะขำก็ขำไม่ออก จำต้องกลั้นไว้ ก่อนจะหามุมสงบๆ โทรมาขำจริงๆจังๆ กับคนพี่ออฟฟิศ
ไม่รู้เหมือนกันว่า มีแบบนี้ด้วย
มันเลยทำให้ฉันพลอยขยาดปลาบู่ ไปด้วย
ผ่านการดูงานช่วงเช้า ถึงเวลาอาหารกลางวัน เมนูที่แทบไม่มีใครแตะต้อง นั่นคือ เนื้อปลาบู่เจี๋ยน สีขาวนวล น่าเจี๊ยะ เพราะถูกแปลงโฉม แร่เอาหนังออกแล้ว แต่กลับเหลือบานเบลอะแทบทุกโต๊ะ
แหม ถ้าไม่ทันฟังคำตอบจากคุณลุง ล่ะก็....